บทที่ 4
ตอนที่พิมพ์พรรณถือยาคุมกำเนิดที่ซื้อมาเข้ามา คิมเบอร์ลี่กำลังพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่
“ซื้อยามาแล้ว รีบกินเถอะ” ตั้งแต่เธอกลับมาจนถึงตอนนี้ ก็เกือบจะสี่สิบแปดชั่วโมงแล้ว
ถ้าไม่กินตอนนี้ ยานี่ก็จะไม่ได้ผลแล้ว
คิมเบอร์ลี่เตรียมน้ำอุ่นไว้ที่หัวเตียงแล้ว พอได้ยินดังนั้นจึงแกะยาออกมาเม็ดหนึ่ง เตรียมจะใส่เข้าปาก
“ยานี่... คุณแม่ไปซื้อมาเองเหรอคะ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่” พิมพ์พรรณตอบอย่างมั่นใจ “ฉันสั่งให้คนรับใช้ไปซื้อ ไม่ต้องห่วง ฉันแอบสั่งไป ไม่มีใครรู้หรอก”
ถึงยังไงเธอก็เป็นถึงนายหญิงของตระกูลกุลจันทร์ ถึงแม้จะไม่เป็นที่โปรดปราน ไม่เป็นที่รักของคุณปู่แค่ไหน แต่การจะซื้อของสักชิ้นแล้วต้องไปด้วยตัวเอง ถ้าข่าวแพร่ออกไป มีแต่จะทำให้ตระกูลกุลจันทร์ตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน
พอตระกูลกุลจันทร์เสียหน้า คุณปู่ก็จะยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
เรื่องแบบนี้ ต่อให้พิมพ์พรรณจะโง่แค่ไหนก็ไม่ทำหรอก
เมื่อได้ยินดังนั้น คิมเบอร์ลี่ก็เบาใจลงหน่อย
เธอใส่ยาเม็ดเข้าปากแล้วเงยหน้าดื่มน้ำตามอึกใหญ่
เห็นได้ชัดว่าตัดสินใจไปแล้ว แต่ตอนที่กลืนลงไป ในใจกลับเจ็บแปลบราวกับถูกบีบขยี้ จนเธอแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา
ลูกสาวที่แสนดีและเชื่อฟังของเธอคนนั้น... ชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้เจออีกแล้ว
แต่เธอก็ไม่หวังว่านีน่าของเธอ จะต้องกลับมาจมปลักอยู่ในบ่อโคลนอันสกปรกของตระกูลกุลจันทร์อีก
แม่ขอโทษนะ... นีน่า!
คิมเบอร์ลี่ตัดใจกลืนยาเม็ดในปากลงไป
พิมพ์พรรณหยิบกล่องยาขึ้นมา “ลูกพักผ่อนเถอะ แม่จะเอาของนี่ไปทิ้ง”
พูดจบก็หันหลังเตรียมจะเดินออกไป
แต่ในตอนนั้นเอง ประตูห้องนอนก็ถูกใครบางคนถีบเปิดออกอย่างแรง
พ่อบ้านยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับบอดี้การ์ดอีกสองคน มองคิมเบอร์ลี่และพิมพ์พรรณด้วยสายตาเย็นชา “นายหญิง คุณคิม นายท่านให้มาเชิญทั้งสองท่านไปพบครับ”
หัวใจของคิมเบอร์ลี่กระตุกวูบ สัญชาตญาณบอกว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่
ณ ห้องนั่งเล่น บอดี้การ์ดลากตัวคิมเบอร์ลี่เข้ามา
พ่อบ้านยื่นกล่องยาคุมกำเนิดที่พิมพ์พรรณยังไม่ทันได้ทำลายให้คุณปู่ด้วยสองมือ
คนส่วนใหญ่ของตระกูลกุลจันทร์ยังคงอยู่กันพร้อมหน้า สายตาที่พวกเขามองคิมเบอร์ลี่นั้นราวกับมองของสกปรกชิ้นหนึ่ง
โดยเฉพาะเร็กซ์ สายตาของเขาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ทิ่มแทงเข้ามาในใจของเธอไม่หยุด
คิมเบอร์ลี่ก้มหน้าลงต่ำ มือที่ปล่อยอยู่ข้างลำตัวกำแน่นอย่างไม่สบายใจ
“สารเลว!” คุณปู่เหลือบมองกล่องยา แล้วคว้าที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะกาแฟขว้างใส่คิมเบอร์ลี่ “นี่มันอะไรกัน?!”
เพล้ง!
ที่เขี่ยบุหรี่กระแทกเข้าที่ศีรษะของคิมเบอร์ลี่จนแตก เลือดสีแดงสดไหลอาบแก้มของเธอในทันที
เธอไม่แม้แต่จะกะพริบตา “ยาคุมกำเนิดค่ะ!”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยที่ไม่ปิดบังจากรอบข้างทำให้เสียงของเธอหยุดชะงักไปชั่วครู่ เธอกัดริมฝีปากแล้วพูดต่อ “หนูบรรลุนิติภาวะแล้ว การมีความรักก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอคะ!”
เมื่อได้ยินเธอโกหกหน้าตาย คุณปู่ก็ยิ่งโมโห ใช้ไม้เท้ากระแทกพื้นดังตึงๆ “แหกตาดูให้มันชัดๆ นั่นมันยาอะไรกันแน่!”
คิมเบอร์ลี่ชะงักไป
คิมเบอร์ลี่ใช้มือที่สั่นเทาหยิบกล่องบนพื้นขึ้นมา เมื่อเห็นตัวอักษรบนนั้นชัดๆ ม่านตาของเธอก็หดเล็กลง เป็นไปได้ยังไง...
เธอเงยหน้าขึ้นมองพิมพ์พรรณอย่างทำอะไรไม่ถูก ยาเป็นสิ่งที่แม่ให้คนไปซื้อ หรือว่าแม่ยังไม่ยอมแพ้ ตั้งใจซื้อยาผิดมาเพื่อให้เธอท้องแล้วใช้ลูกบีบให้เร็กซ์แต่งงานกับเธอกันนะ?
แต่เมื่อสบตากลับพบดวงตาที่ตื่นตระหนกยิ่งกว่าเธอ
ไม่ใช่ฝีมือแม่ของเธอ
สายตาของเธอเหลือบไปสบกับวิกกี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ เร็กซ์โดยไม่ตั้งใจ แววตาไม่ประสงค์ดีที่ซ่อนอยู่หลังม่านน้ำตาที่คลอหน่วย ทำให้หัวใจของคิมเบอร์ลี่สั่นสะท้าน
เป็นเธอ!
เธอรู้สึกได้ถึงลางร้าย กำลังจะอธิบาย วิกกี้ก็ลุกพรวดพราดเข้ามาหาเธอ
“ฉันขอโทษนะคิม คนตระกูลกุลจันทร์ล้วนเป็นคนดี ฉันไม่อาจช่วยเธอปิดบังและหลอกลวงพวกเขาได้จริงๆ”
วิกกี้ร้องไห้ฟูมฟายจนน่าสงสาร สายตาที่มองคิมเบอร์ลี่เต็มไปด้วยความตัดพ้อและรวดร้าว
“ฉันนึกว่าเธอแค่ฉวยโอกาสสานฝันในวัยเยาว์ของตัวเองให้เป็นจริง ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะแอบตั้งท้อง หวังใช้ลูกเป็นเครื่องมือเพื่อวางแผนกับเร็กซ์และตระกูลกุลจันทร์”
“ทำไมเธอถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้? เธอเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าเธอทำแบบนี้ ฉันกับเร็กซ์จะทำยังไง? ต่อให้เธอไม่คิดถึงฉัน ก็ควรจะคิดถึงแม่ของเธอบ้าง ลูกสาวแต่งงานกับน้องชายของสามีตัวเอง แล้วต่อไปเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนในตระกูลกุลจันทร์?”
คำพูดที่เต็มไปด้วยการกล่าวโทษเหล่านั้น ทำให้คนในตระกูลกุลจันทร์โกรธแค้นอย่างยิ่ง
“เคยเห็นคนหน้าด้าน แต่ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านขนาดนี้ เพื่อที่จะได้แต่งงานเข้าตระกูลใหญ่ ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมร้อยแปดพันเก้าจริงๆ ถ้าเอาความฉลาดแกมโกงพวกนี้ไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร ป่านนี้คงไม่กลายเป็นคนที่ใครๆ ก็รังเกียจแบบนี้หรอก!”
“ร้ายกาจ ร้ายกาจจริงๆ! เปลือกนอกทำเป็นแก้ต่างให้ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเพื่อผลักวิกกี้ออกมาเป็นเป้า เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน จะได้แอบท้องลูกของเร็กซ์ได้เงียบๆ ใจคนเราจะดำมืดได้ขนาดไหน วันนี้ฉันได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!”
“ตัวหายนะแบบนี้ จะเก็บไว้ในตระกูลกุลจันทร์ของเราไม่ได้เด็ดขาด!”
มีคนเสนอให้ไล่คิมเบอร์ลี่ออกจากตระกูลกุลจันทร์
สำหรับเรื่องนี้ คิมเบอร์ลี่ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
ชาติที่แล้วก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ แค่วิกกี้ออกมายืนปั่นกระแสสังคมนิดหน่อย เธอก็จะกลายเป็นเป้าให้ทุกคนรุมด่า
เธอมองดูวิกกี้แสดงละครอย่างเงียบๆ ในใจไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ วิกกี้ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
นิสัยของคิมเบอร์ลี่เปลี่ยนไปเป็นคนสุขุมเยือกเย็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงรีบร้อนแก้ตัวให้ตัวเองไปแล้ว สิ่งที่เธอกลัวที่สุดคือการถูกคนในตระกูลกุลจันทร์เข้าใจผิด และไล่เธอกับแม่ออกไป
แต่ว่าวันนี้ เธอกลับนิ่งเฉยไม่ไหวติง
หรือว่าเธอยังมีไพ่ตายอะไรเก็บไว้อีก?
ไม่ เป็นไปไม่ได้
เธอไม่รู้เรื่องที่ฉันให้คนแอบเปลี่ยนยาเลยสักนิด การต้องเผชิญหน้ากับการซักฟอกของคนในตระกูลกุลจันทร์และการหักหลังของฉันอย่างไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ร้อนรน
อีกอย่าง คนฉลาดอย่างเร็กซ์กับคุณปู่ จะไปเชื่อคำพูดพล่อยๆ ของคิมเบอร์ลี่ที่ผลักฉันออกมารับผิดแทนได้ยังไง แล้วพอฉันยอมรับ พวกเขาก็เชื่อจริงๆ งั้นเหรอ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หลักฐานมัดตัวว่าคนที่ลบรูปคือคิมเบอร์ลี่อย่างแน่นอน แค่เร็กซ์คนเดียว เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าคนที่นอนกับเขาคือใครกันแน่?!
วิกกี้เม้มริมฝีปาก เตรียมที่จะมอบหมัดน็อกให้กับคิมเบอร์ลี่
เธอหันไปร้องขอความเมตตาจากเร็กซ์ทั้งน้ำตา “เร็กซ์คะ ฉันเชื่อว่าคิมไม่ได้ตั้งใจแน่นอน เธอต้องมีเหตุผลที่พูดไม่ได้แน่ๆ ได้โปรดยกโทษให้เธอครั้งนี้เถอะนะคะ ถือซะว่าคนในคืนนั้นคือฉัน ฉันยินดีที่จะรับแรงกดดันจากสังคมทั้งหมดเพื่อตระกูลกุลจันทร์เองค่ะ”
วิกกี้มีน้ำเสียงที่อ่อนหวานราวน้ำ เมื่อจงใจพูดด้วยเสียงสะอื้น ยิ่งกระตุ้นความสงสารเห็นใจของคนอื่นได้ง่าย
ถ้าฟังแค่เสียงและคำพูดของเธอ ทุกคนคงจะซาบซึ้งในความปรารถนาดีอันลึกซึ้งของเธอเป็นแน่
คิมเบอร์ลี่ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดอย่างจนใจว่า “ฉันว่าที่คุณพูดมาทั้งหมดนี่มันไร้เหตุผลสิ้นดีเลยนะ!”
วิกกี้ชะงักไป
แล้วก็ได้ยินคิมเบอร์ลี่พูดต่อ “ฉันอธิบายไปแล้วว่าคืนนั้นไม่ใช่ฉัน ทำไมคุณยังจะพยายามโยนความผิดมาให้ฉันอีก? ฉันไม่เข้าใจเลย ทั้งๆ ที่คุณเป็นคู่หมั้นของอาเร็กซ์ แต่กลับอยากให้อาเร็กซ์ไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองอย่างนั้นเหรอ? คุณบอกว่าเป็นคุณ อาเร็กซ์ยังไม่ทันได้ปฏิเสธเลย คุณก็รีบออกตัวแก้ต่างซะแล้ว ยังไงกันล่ะ ไม่อยากแต่งงานกับอาเร็กซ์ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
สีหน้าของวิกกี้แข็งทื่อ เธอรีบหันกลับไปอธิบายอย่างลนลาน “ฉันเปล่านะ ฉันไม่ได้ทำ อย่าพูดจาเหลวไหลนะ!”
